เอื้องหมายนา
ชื่อสมุนไพร เอื้องหมายนา
ชื่ออื่นๆ เอื้องช้าง (นครราชสีมา) เอื้อง (อุบลราชธานี) เอื้องดิน เอื้องใหญ่(ใต้) เอื้องต้น(ยะลา) เอื้องเพ็ดม้า บันไดสวรรค์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Costus speciosus (Koen.) Sm.
ชื่อวงศ์ Costaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน สูง 1-3 เมตร มักขึ้นเป็นกอ ลำต้นกลมฉ่ำน้ำ สีแดง รากเป็นหัวโตยาว ที่โคนแข็งเหมือนไม้ ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับรอบลำต้น แผ่นใบรูปรีแกมรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก กว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 15-40 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน กาบใบอวบสีเขียว หรือสีน้ำตาลแดงโอบรอบลำต้น เส้นใบขนานกับขอบใบ ขอบใบเรียบ มีขนทุกส่วนของต้น ก้านใบสั้น หลังใบเรียบเป็นมัน ท้องใบมีขนนุ่ม เนื้อใบหนา ดอกสีขาว มี 3 กลีบ ออกที่ปลายยอด เป็นรูปปากแตร ใจกลางดอกมีสีเหลืองอ่อนหรือสีชมพู ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกทยอยบานทีละ 1-2 ดอก ดอกย่อยสีขาว กลีบดอกบาง ย่น กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ปลายแผ่บานออกเป็นรูปปากแตร ขอบกลีบหยักเป็นลอนคลื่น บนช่อดอกมีกาบสีแดงรองรับดอกแต่ละดอก เกสรเพศผู้เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกลีบดอกขนาดใหญ่ เป็นกรวย ปลายแผ่บานจีบน้อยๆสีขาว ปากขอบกรวยสีเหลือง กลีบเลี้ยงสีแดงเข้ม เป็นแผ่นแบน 3 กลีบ ขอบมน ผลรูปขอบขนานแกมรูปสามเหลี่ยม แห้งแล้วแตก มีเนื้อแข็ง สุกสีแดง ปลายยอดมีกลีบเลี้ยง 1 หรืออยู่เป็นกระจุกแหลม 3 แฉก กาบหุ้มผลสีแดง เมล็ดสีดำเปนมัน พบขึ้นตามชายน้ำ และป่าดิบชื้น หน่ออ่อนที่งอกจากต้นในฤดูฝนใช้เป็นอาหารได้ แต่ต้องต้มให้สุกเสียก่อนเพื่อขจัดกลิ่น เมื่อนำมาต้ม หรือลวก ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก
สรรพคุณ
1.ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ เหง้า ต้มน้ำดื่ม ช่วยบำรุงมดลูก สมานแผลภายใน เข้ายาแก้ซางเด็ก ลำต้น ย่างไฟคั้นเอาน้ำหยอด แก้หูน้ำหนวก
2.ตำรายาไทย ใช้ เหง้า รสขมเมา ขับปัสสาวะ แก้บวมน้ำ แก้ตกขาว แก้โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ แก้แผลหนอง อักเสบ บวม ฆ่าพยาธิ เป็นยาถ่ายพยาธิ เหง้าสดมีพิษมาก ถ้าใช้ในปริมาณมาก จะทำให้ท้องร่วง อาเจียนอย่างรุนแรง ต้องทำให้สุกก่อนนำมากิน ราก รสขมเมา ขับพยาธิ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้โรคผิวหนัง ทั้งต้น สมานมดลูก รักษาอาการปวดมวนในท้อง โรคกระเพาะอาหาร ท้องผูก ถ่ายเป็นเลือด
แหล่งอ้างอิง
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (2557).ฐานข้อมูลสมุนไพร
ค้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2562,จาก https://herbalbank.kku.ac.th/
Medthai. (2562).เครื่องมือค้นหาสมุนไพร. ค้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2562,จาก https://medthai.com/search/